พัดลมหม้อน้ำมีกี่ประเภท และมีประเภทอะไรบ้าง

พัดลมหม้อน้ำ ช่วยระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ป้องกันความร้อนสูงเกินไป

พัดลมหม้อน้ำ

สำหรับรถยนต์นั้น ความร้อนของเครื่องยนต์ เป็นปัญหาที่น่าปวดหัว เพราะปัญหาความร้อนของเครื่องยนต์นั้น สามารถส่งผลทำให้ รถยนต์ ของคุณเสื่อมสภาพและมีอายุการใช้งานที่สั้นลง ถ้าหากไม่รีบทำการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เครื่องยนต์จะไม่สามารถใช้งานได้ทำให้ปัญหารุมเร้าตามมามากมาย เพราะเครื่องยนต์ที่ ‘Over Heat’ นั้น จะส่งผลให้ชิ้นส่วนภายในได้รับความเสียหายในระดับโครงสร้างไปเรียบร้อยแล้ว และแน่นอนว่าปัญหาเรื่องความร้อนของเครื่องยนต์นั้น เกิดขึ้นได้กับเครื่องยนต์ทุกประเภท ดังนั้นพัดลมหม้อน้ำจึงเป็นอุปกรณ์สำคัญในระบบหม้อน้ำของรถยนต์ ซึ่งมีหน้าที่หลักในการระบายความร้อนที่เกิดขึ้นในระบบน้ำหม้อเครื่องยนต์ เพื่อรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสมในการทำงานของเครื่องยนต์ เรียกได้ว่าความสำคัญของพัดลมหม้อน้ำนั้นมีมากไม่แพ้กับอุปกรณ์ส่วนอื่น ๆ เลย แต่พัดลมหม้อน้ำนั้นก็ยังมีประเภทต่าง ๆ ที่แยกย่อยออกมาอีก ฉะนั้นบทความนี้เราจะมาพูดกันถึงเรื่อง ประเภทของพัดลมหม้อน้ำ ว่ามีกี่ประเภท

เชื่อว่าหลาย ๆ คนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า พัดลมหม้อน้ำ หรือ Cooling fan คืออะไร และ หน้าตามันเป็นอย่างไร เรามาเริ่มทำความรู้จักกับพัดลมหม้อน้ำให้มากยิ่งขึ้นกันก่อนที่จะเข้าเนื้อหาส่วนอื่น ๆ กันเลย

พัดลมหม้อน้ำ หรือ Cooling fan เป็นอุปกรณ์ชิ้นเล็ก ๆ ติดตั้งอยู่บริเวณเครื่องยนต์ มีลักษณะรูปร่างเหมือนพัดลมขนาดเล็กโดยพัดหม้อน้ำรุ่นเก่านั้นจะใช้สายพานในการเดินกำลัง แต่รุ่นใหม่จะใช้ไฟฟ้ากันหมดแล้ว ซึ่งพัดลมหม้อน้ำเป็นหนึ่งไอเทมที่คนมีรถต้องคอยตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมอเพราะว่าพัดลมหม้อน้ำเปรียบเสมือนเป็นหัวใจของระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ นอกจากพัดลมหม้อน้ำจะมีหน้าที่หลักในการระบายความร้อนให้กับน้ำหล่อเย็นแล้วนั้น พัดลมหม้อน้ำ ยังมีส่วนช่วยให้อุณหภูมิโดยรวมของห้องเครื่องเย็นลงไปด้วย เรียกได้ว่าพัดลมหม้อน้ำเป็นอุปกรณ์ที่รับภาระดูแลในหลายส่วนของระบบรถยนต์เลย


ประเภทของพัดลมหม้อน้ำ

พัดลมหม้อน้ำ สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ได้แก่

  1. พัดลมหม้อน้ำ แบบ Pusher หรือจะเรียกด้วยภาษาบ้าน ๆ ก็คือ พัดลมหม้อน้ำแบบ เป่า นั่นเอง
    โดยหลักการของพัดลมหม้อน้ำประเภทนี้คือการสร้างกระแสอากาศให้ไหลผ่านแผงหม้อน้ำ โดยการติดตั้งพัดลมหม้อน้ำแบบเป่านั้น จะติดตั้งไว้ที่บริเวณหน้าแผงหม้อน้ำเพื่อทำการเปล่าลมเย็นจากภายนอกให้ผ่านแผงหม้อน้ำ โดยในเชิงของความสามารถในการระบายความร้อนของ พัดลมหม้อน้ำแบบเป่าที่ติดตั้งไว้หน้าหม้อน้ำ จะขัดขวางการไหลของอากาศบางส่วนเท่านั้น

  2. พัดลมหม้อน้ำ แบบ Puller หรือจะเรียกง่ายๆ ก็คือ พัดลมหม้อน้ำแบบ ดูด
    โดยหลักการของพัดลมหม้อน้ำประเภทนี้คือการสร้างกระแสอากาศให้ไหลผ่านแผงหม้อน้ำเหมือนกันทุกประการกับหลักการของพัดลมหม้อน้ำแบบเป่าเลย แต่การติดตั้งพัดลมหม้อน้ำแบบดูดนั้นจะถูกติดตั้งไว้ที่หลังแผงหม้อน้ำ โดยจะทำให้ดูดอากาศให้ไหลผ่านแผงระบายความร้อน และระบายออกไปทางด้านหลังของพัดลมนั่นเอง แต่พัดลมหม้อน้ำแบบดูด จะได้รับความนิยมมากกว่าพัดลมหม้อน้ำแบบเป่า เพราะพัดลมหม้อน้ำแบบดูดที่ติดตั้งไว้ด้านหลังของหม้อน้ำ กระแสลมที่มาจากภายนอกก็จะสามารถปะทะกับแผงหม้อน้ำได้แบบเต็มที่ ซึ่งจะทำให้การระบายความร้อนมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นเมื่อขับที่ความเร็วสูง ดังนั้น ในรถยนต์โดยทั่วไปจะพบเห็นพัดลมหม้อน้ำแบบดูดมากกว่าพัดลมแบบเป่านั่นเอง

นอกจากนี้ พัดลมหม้อน้ำยังสามารถแบ่งออกได้เป็นประเภทย่อย ๆ ตามลักษณะการทำงานได้ดังนี้

  • พัดลมหม้อน้ำแบบไฟฟ้า (Electric Fan) เป็นพัดลมที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ทำงานโดยอาศัยสัญญาณจากเทอร์โมสวิตช์ที่วัดอุณหภูมิของน้ำในหม้อน้ำ เมื่ออุณหภูมิของน้ำสูงขึ้นถึงจุดที่กำหนด หรือเมื่อเครื่องยนต์มีอุณหภูมิอยู่ในช่วง 88-93 องศาเซลเซียส มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานจนกว่าอุณหภูมิของเครื่องยนต์จะลดลงต่ำกว่าระดับที่ตั้งไว้ โดยพัดลมหม้อน้ำแบบไฟฟ้ามักพบในรถยนต์เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากช่วยป้องกันเครื่องยนต์ไม่ให้ร้อนเกินไป เมื่อเครื่องยนต์ร้อนเกินไป อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้

  • พัดลมหม้อน้ำแบบไฮดรอลิก (Hydraulic Fan) เป็นพัดลมที่ใช้แรงดันน้ำในการขับเคลื่อน ทำงานโดยอาศัยแรงดันน้ำจากปั๊มน้ำที่ส่งผ่านไปยังพัดลม ทำให้พัดลมหมุน โดยพัดลมหม้อน้ำแบบไฮดรอลิกจะทำงานเมื่อเครื่องยนต์ถึงอุณหภูมิที่กำหนด หรืออุณหภูมิในช่วง 88-93 องศาเซลเซียส โดยพัดลมหม้อน้ำแบบไฮดรอลิกนิยมในรถยนต์บางรุ่น เช่น รถบรรทุกขนาดใหญ่และรถบรรทุกเทรลเลอร์ มักใช้พัดลมหม้อน้ำแบบไฮดรอลิก เนื่องจากมีประสิทธิภาพและทนทานกว่าพัดลมหม้อน้ำแบบไฟฟ้า

  • พัดลมหม้อน้ำแบบไฟฟ้า-ไฮดรอลิก (Electric-Hydraulic Fan) เป็นพัดลมที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเป็นหลัก แต่จะมีระบบไฮดรอลิกช่วยเสริมแรงในการหมุน ทำให้พัดลมสามารถทำงานได้แม้ในขณะที่เครื่องยนต์ไม่ได้ทำงาน มักใช้ในรถขนาดใหญ่ อาทิ รถบรรทุกขนาดใหญ่ รถบรรทุกเทรลเลอร์ รถขุดและรถตัก เนื่องจากทนทานและทำงานได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้หลักการทำงานที่เป็นแบบเดียวกันทั้งหมด โดยจะเริ่มทำงานต่อเมื่ออุณหภูมิของเครื่องยนต์พุ่งสูงกว่า 88-93 องศาเซลเซียส (จะไม่หมุนตลอดเวลา) แต่หากอุณหภูมิลดต่ำลงกว่าระดับดังกล่าวพัดลมหม้อน้ำจะหยุดหมุนเองโดยอัตโนมัติ หากพบพัดลมหม้อน้ำหมุนตลอดเวลา นั่นบ่งบอกถึงอาการผิดปกติว่าพัดลมหม้อน้ำ อาจกำลังขัดข้อง หรือ ชำรุด ควรนำรถยนต์เข้าตรวจเช็ดหรือเปลี่ยนพัดลมหม้อน้ำใหม่


แต่โดยทั่วไปแล้ว พัดลมหม้อน้ำส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานของมันอยู่ หากหมดอายุ หรือชำรุดให้เปลี่ยนใหม่จะคุ้มค่ากว่า แต่อย่างไรก็ตามควรหมั่นตรวจสภาพการทำงานเป็นระยะ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่ายังอยู่ในสภาพดี ไม่เสี่ยงต่อการทำให้เครื่องยนต์น็อคจากการ เครื่องยนต์ Over Heat ดังนั้นการหมั่นตรวจเช็กสภาพรถยนต์ของคุณถือเป็นเรื่องที่สำคัญรวมถึงการนำรถเข้ารับการตรวจเช็กสภาพทุกครั้งตามระยะทางที่กำหนด ทั้งนี้ก็เพื่อให้ทุกการขับขี่ของคุณปลอดภัยนั่นเอง

หากคุณกำลังประสบกับปัญหา พัดลมหม้อน้ำชำรุดขัดข้อง ควรเลือกปรึกษาหรือสั่งซื้อพัดลมหม้อน้ำกับบริษัทที่มีมาตรฐานอย่าง จง เฉวียน อีเล็คทริค (JNA Aircon) เป็นผู้ผลิตและจำหน่าย ผู้นำเข้าวัตถุดิบชิ้นส่วน เพื่อประกอบอะไหล่ยานยนต์ จำหน่ายพัดลมแอร์รถยนต์ พัดลมหม้อน้ำ มอเตอร์พัดลมแอร์รถยนต์ มอเตอร์แอร์รถยนต์ โบลเวอร์แอร์รถยนต์ ภายในประเทศไทย เราใส่ใจเรื่องคุณภาพโดยการผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ทนทานต่อการใช้งาน ผ่านการทดสอบอย่างละเอียด มั่นใจได้ในคุณภาพที่แบรนด์ญี่ปุ่นยอมรับ คุณภาพสินค้าเทียบเท่าศูนย์ ราคาย่อมเยาแบบมิตรภาพ

สั่งซื้อ พัดลมหม้อน้ำ ติดต่อ จง เฉวียน อีเล็คทริค
โทรศัพท์: 02-533-2758
โทรศัพท์มือถือ: 089-449-3470, 097-198-4539
อีเมล: zhongc276@gmail.com